Logo nipponnotsubo
ad head

Google
WWW を検索 nipponnotsubo.com を検索
facebooklogo
twitter
youtube
mixi
gree
niconico
หน้าแรก ความบันเทิง วัฒนธรรม ไลฟ์สไตล์ สังคม เทคโนโลยี แฟชั่น ธุรกิจ

ความแตกต่างของการเรียนภาษาญี่ปุ่นระหว่างมัธยมปลายและมหาวิทยาลัย

สวัสดีจ๊ะ คณะนี่พี่กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยศรีณคริทรวิโรฒ คณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาญี่ปุ่น พี่จบม.ปลาย สายศิลป์-ภาษาญี่ปุ่น จาก โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) หลังจากจบการศึกษาจากที่นี้แล้ว พี่ก็อยากจะทำงานเกี่ยวกับด้านท่องเที่ยว เช่น เป็นไกด์นำเที่ยว หรือไม่ก็อยากทำงานเกี่ยวกับด้านธุรกิจนำเข้า - ส่งออกสินค้ากับประเทศญี่ปุ่น

ทำไมพี่ถึงเลือกเรียนภาษาญี่ปุ่นก็เพราะว่า ตอนเด็กๆพี่ชอบพวกการ์ตูนซาริโอ พวกคิตตี้ พอเริ่มโตขึ้นมาหน่อยก็ ดูพวกซีรีย์ และเริ่มชอบนักร้อง เลยทำให้เริ่มอยากศึกษาภาษาญี่ปุ่นมากขึ้น และด้วยคิดว่าต่อไปในอนาคตภาษาญี่ปุ่นจะมีความจำเป็นในการประกอบอาชีพมากขึ้น เลยยิ่งทำให้อยากเรียนภาษาญี่ปุ่นมากขึ้น

ทำไมพี่ถึงเลือกเข้าที่ มศว ก็เพราะว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่สะดวกในการเดินทาง นอกจากนั้นก็มีชื่อเสียงในระดับหนึ่ง และพอได้เข้ามาเรียนที่ก็ไม่ผิดหวัง เพราะเป็นสังคมที่อบอุ่น และปารที่ได้ไปอยู่หอที่องครักษ์ จ.นครปฐมเป็นเวลา 1 ปี ก็เลยทำให้ได้สนิทกับเพื่อนๆมากขึ้น และได้รับประสบการณ์ที่แปลกใหม่มากขึ้นด้วยคะแนน และการเข้าศึกษาเอกภาษษญี่ปุ่นที่เนี่ย ก็จะมีเกณฑ์คะแนน ตั้งแต่ 50 ขึ้นไป

ความแตกต่างของเรียนภาษาญี่ปุ่นในช่วงม.ปลายและ มหาวิทยาลัย คือ - เนื้อหาที่ยากและเข้มข้นขึ้น และในชั้นมหาลัยทุกคนต่างมีพื้นฐานภาษาญี่ปุ่นกันมาอยู่แล้ว เพราะการคัดเลือกเข้าศึกษาต่อเอกภาษาญี่ปุ่นจะคัดจากเด็กที่มีคะแนน A-Net 50 คะแนนขึ้นไป ดังนั้นการเริ่มศึกษาต่อในระดับมหาลัยก็จะเริ่มทบทวนพื้นฐานแค่เล็กน้อย และเริ่มต้นบทเรียนที่ยากขึ้นไปอย่างเร็ว ซึ่งจะทำให้เกิดความเครียดขึ้นมา เพราะเนื้อหาภาษาญี่ปุ่นตอนม.ปลายยังไม่ซับซ้อนมากเท่าไร ทำให้ไม่เครียดมากเท่ากับตอนอยู่มหาลัย เพราะมหาลัยต่างคนต่างที่มาทำให้พื้นฐานภาษาญี่ปุ่นแตกต่างกัน เลยทำให้เกิดความกดดันและเครียด และการสอบตอนม.ปลายส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อหาในหนังสือที่เรียน แต่พอข้อสอบของมหาวิทยาลัย ก็จะกว้างขึ้นและซับซ้อนมากขึ้น คาบเรียนภาษาญี่ปุ่นที่มากขึ้น เพราะของม.ปลายจะเรียนมากสุดก็คือวันละสองคาบ คาบละ 55 นาที แต่ที่มหาลัยบางวัน เช่นวันหนึ่งเรียนสองคาบ คาบละ 3 ชม.พอจบวันก็เอามึนเลยที่เดียว และมีทุนการศึกษาให้สอบชิงหลายทุน นอกจากนั้นเมื่อเข้ามหาลัยเราต้องรับผิดชอบตัวเองมากขึ้น จะไม่มีอาจารย์มาคอยมาเช็คงานเหมือนตอนม.ปลาย ความต่างสุดท้ายคือความพยายามที่มากขึ้น

จุดที่เหมือนกัน ก็คือ เรียนแกร่มม่า เรียนการฟัง และเรียนวัฒนธรรมเหมือนกันแต่ในระดับมหาวิทยาลัยจะยากมากขึ้น มีการบ้านให้ทำเหมือนกัน แต่จะมีระดับความยากมากขึ้น by Bright

คอลัมน์ที่เขียนโดยนักเรียนที่ศึกษาภาษาญี่ปุ่น

หม้อความรู้เกี่ยวกับญี่ปุ่น nipponnotsubo にっぽんの壷

右上大型広告

ไปญีปุ่น

เที่ยวญี่ปุ่น
เรียนที่ญี่ปุ่น
ฝึกงานที่ญี่ปุ่น

กิจกรรมเกี่ยวกับญี่ปุ่น

เรียนภาษาญี่ปุ่นที่มหาวิทยาลัยในไทย
เรียนภาษาญี่ปุ่นที่โรงเรียนสอนภาษา
กินอาหารญี่ปุ่น

งานที่ใช้ภาษาญี่ปุ่น

รับสมัครพนักงานบริษัทญี่ปุ่น
รับสมัครพนักงานจากบริษัทจัดหางาน
งานล่าม・แปลภาษา

บอร์ดแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับญี่ปุ่น

facrebookของนิปปอน โนะ ซึโบ๊ะ
ข้อมูลงานเลี้ยงรุ่นที่เกี่ยวข้องกับญี่ปุ่น
ลิงค์ข่าวสาร