คำว่า "แม่มดสาว" เป็นคำที่คนญี่ปุ่นนิยมมากในตอนนี้ คำว่า "บิ" มาจาก"บิจิน" ซึ่งแปลว่า สวยงาม ส่วนคำว่า "มาโจ" แปลว่า แม่มด เมื่อนำทั้งสองคำมารวมกันแล้ว ก็จะแปลว่า แม่มดสาวสวย คำนี้เป็นคำใหม่ที่ใช้เรียก ผู้หญิงช่วงอายุประมาณ 40 ปีที่มีใบหน้าดูเด็กกว่าอายุจริง คำนี้มักจะมีใช้กันเสมอๆตามภาพยนตร์โฆษณาและตามงานอีเว้นท์ต่างๆ การที่พวกเธอมีใบหน้าที่ดูเด็กกว่าวัยนั้นก็เป็นผลมาจาก วิวัฒนการ การต่อต้านริ้วรอย
คำว่า "แม่มดสาว" นี้ คุณ ยามาโมโตะ ยูกิ กองบรรณาธิการของนิตยสารความงาม "บิซุโตะ" เป็นผู้ที่คิดชื่อนี้ขึ้นมา ปัจจุบัน ในกลุ่มผู้หญิงที่อายุประมาณ 40 ปี สวยเพิ่มมากขึ้น ราวกับใช้เวทมนตร์ทำให้ผู้หญิงดูสวยขึ้นมา ดังนั้นจึงเกิดคำนี้ขึ้น
ในนิตยสารนี้ มีพื้นที่ใช้สำหรับการโฆษณาสำหรับหญิงสาว และในปี 2010 ได้มีการจัดประกวดแข่งขัน "แม่มดสาว" ขึ้นเป็นปีแรก คุณ ยามาโมโต้ กล่าวว่า "เสียงตอบรับที่ได้กลับมานั้นเกินความคาดหมาย ตัวผมเองก็ยังตกใจ ก่อนหน้านี้ ก็มีกระแสสังคมต่อต้านคำว่า "wakazukuri" (การแต่งหน้าแต่งตัวให้ดูอ่อนกว่าวัย) แต่ว่า ปัจจุบัน คนเริ่มให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเอง"
และในปี 2011 ผู้ที่ได้รับรางวัลการประกวด คือ คุณ ชิโฮะ ฮิบิ แม่มดสาวหนึ่งเดียว ที่ได้รับรางวัล ได้มีการเปิดตัวเธอ ตามนิตยสารและอีเว้นท์ ขณะนี้เธออายุ 39 ปี แต่เธอยังคงความสวยเหมือนผู้หญิงอายุ 20 ปี นี้คือเวทมนตร์ของแม่มดสาวคนนี้
ชิโฮะ ฮิบิ เป็นแม่บ้านทั่วๆไปที่ ยุ่งกับการเลี้ยงลูกชายคนโต อายุ ２ขวบ ไม่ค่อยเงินและเวลาใช้กับความสวยความงามสักเท่าไหร่ ดูเรื่องความสวยความงามจากอินเตอร์เนทและตามนิตยสาร ดังนั้นเธอจึงคิดวิธีดูแลตัวเองขึ้น เป่าถุงพลาสติกให้กลมเหมือนลูกฟุตบอลแล้วใช้แรงเตะไปสุดกำลัง และใช้ปากเป่าขวดพลาสติกเปล่า และฝึกบริหารกล้ามเนื้อบนใบหน้าด้วยการพองแก้ม ชิโฮะ เรียกวิธีนี้ว่า "บิกาซึ" โดยกล่าวว่า "การเป็นแม่มดสาวได้นั้น มันไม่ได้สำคัญที่มีเงินมากหรือน้อย อย่างตัวฉันเองก็เป็นแม่บ้านทั่วๆไป แต่ว่า เราต้องพยายามที่จะดัดแปลงด้วยตัวของเรา และนี่คือสิ่งที่ต้องการจะบอกให้ทุกคนรู้"
จากการเกิดแม่มดสาวขึ้นที่ญี่ปุ่น ทำให้กระแสของการต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีเพิ่มมากขึ้น เป็นที่ยอมรับของคนทั่วๆไป แต่ประธานกรรมการ Anti-Aging เครือข่าย (NPO) คุณ โนบุยูกิ ชิโอทานิ (80ปี) ให้ความเห็นว่า "ความสวยความงาม＝ความอ่อนเยาว์ นั้นเป็นค่านิยมอย่างหนึ่ง แต่การยอมรับวัยของตัวเองก็เป็นสิ่งสำคัญ การออกกำลังการในปริมาณที่เหมาะสมและการทานอาหารในปริมาณที่พอเหมาะ เป็นพื้นฐานของการดำรงชีวิตที่เราควรตระหนัก ในการดูแลสุขภาพจะต้องไม่ฝืนทำแต่ต้องทำให้เหมาะสม"
Tweet
