ตอนนี้ "โซเชียวมีเดีย" อย่างเช่น เฟซบุ๊ค,ทวิตเตอร์และอื่นๆ มีความนิยมจนถึงขีดสุด แต่ในบรรดาคนใช้งานโซเชียลมีเดียเหล่านั้นก็มีกลุ่มคนที่ไม่พอใจกับการจัดระบบความเป็นส่วนตัวและการริการต่างๆอยู่
วันที่ 15 สิงหาคม 2011 Gartnerบริษัทตรวจสอบความปลอดภัยของอเมริกา ทำการสำรวจคนทั่วโลกทั้งหมด 6000คน การสำรวจนี้มุ่งเน้นเรื่อง "ความเหนื่อยล้าจากโซเชียลมีเดีย" 24％ของผู้ตอบแบบสอบถามตอบว่า ความถี่ในการใช้โซเชียลมีเดียลดน้อยลงกว่าตอนที่เพิ่งเริ่มใช้ 31％ของกลุ่มวัยรุ่นกล่าวว่า รู้สึกได้ถึงความน่าเบื่อของการบริการของโซเชียลมีเดีย พวกเขามองหานวัตกรรมที่มีความหลากหลายและแปลกใหม่ซึ่งก็ยังคงค้นหาไม่พบ
เมื่อมองดูในระดับภูมิภาคดูแล้ว ประเทศที่เพิ่งประกาศเอกราชอย่างบราซิลหรือรัสเซีย มีแนวโน้มที่จะห่างจากโซเชียลมีเดียค่อนข้างสูง เกือบจะ40％ที่ตอบว่า "ไม่รู้สึกถึงความน่าสนใจ" ที่ญี่ปุ่น ยุโรปและอเมริกาก็มีประมาณ 20％ที่ตอบว่า มีความถี่ในการเข้าใช้งานลดน้อยลง
บริษัทโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่อย่างเฟซบุ๊ค มีคนลงชื่อใช้งานทั่วโลกทั้งหมดถึง 750ล้านคน แต่ระยะหลังมานี้ดูเหมือนว่าอัตราการความเร็วของการเพิ่มขึ้นของผู้ใช้งานลดน้อยลง อ้างอิงจากสกายนิวส์เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2011ของประเทศอังกฤษ มีผู้ใช้งานในอเมริกาในเดือนพฤษภาคมลดลงถึง 580,000คน และในอังกฤษเองก็ลดลงถึง 100,000คน ในเอเชียเองยังมีบางพื้นที่ที่ยังมีการใช้งานเพิ่มขึ้นแต่ในประเทศที่พัฒนาแล้วนั้นเริ่มจะมีการลดน้อยลง
การใช้งานเฟซบุ๊คในประเทศญี่ปุ่นเป็นไปอย่างเชื่องช้า จนในที่สุดปัจจุบันนี้ก็เป็นที่นิยมขึ้นมาแล้ว ไม่ใช่เพียงแค่เป็นเพจส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังมีการใช้ในการติดต่อทางธุรกิจอย่างเป็นทางการอีกด้วย แต่หลังจากเริ่มเปิดใช้ ก็เกิดปัญหาขึ้นมา นั่นก็คือ แม้จะตั้งใจกับการทำงานในเฟสบุ๊คเพียงไหนก็ตาม แต่ก็ไม่เกิดประสิทธิภาพในการทำงานขึ้นมา หรือกล่าวคือ "ไม่มีหัวข้อที่สามารถอัพเดทได้อย่างต่อเนื่อง"เป็นปัญหาพื้นฐานอยู่นั่นเอง
ในการสำรวจของ Gartner 33％ของคนที่ใช้โซเชียลมีเดียนั้น มีความกังวลเกี่ยวกับการถูกละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ดูเหมือนว่าจะยังไม่เชื่อมั่นในการจัดการข้อมูลส่วนตัวของโซเชียลมีเดียเท่าไหร่
ส่วนทางด้านของ twitterเองก็มีปัญหาเกี่ยวกับการล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของเหล่าคนดังและบรรดาเซเลปต่างๆ ในกลุ่มคนที่ใช้งานทวิตเตอร์นั้นจะมีพวกที่ใช้ทวิตเตอร์เพื่อโพสต์เรื่องราวหรือการกระทำและคำพูดของคนดังลงบนทวิตเตอร์เมื่อพบเจอเข้าโดยบังเอิญ หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ การที่เราถูกชวนไปเดทจากคนที่ไม่รู้จักในทวิตเตอร์บ้างล่ะ การยืนหยัดในความคิดของตัวเองบ้างล่ะ การพูดถึงแต่ตัวเองอย่างโอ้อวด ก็เลยจะมีการแสดงความคิดเห็นที่เอือมระอาบ้างก็มี ส่วนในเฟสบบุ๊คถ้าผู้ใช้งานที่ได้รับการยอมรับว่าเป็น "เพื่อน" กันแล้วกรอกข้อมูลที่ไม่น่าสนใจ ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าถึงในลำดับต่อไปก็ได้
