เมืองโจเอ็ตสึ จังหวัดนีงาตะซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณทางทิศเหนือ ได้เริ่มทำธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังลม เพื่อแพร่ขยายคลีน เอเนจี้ขึ้นเมื่อ9ปีที่แล้ว และได้มีการเปิดเผยว่ามีการขาดทุนสะสมเป็นจำนวนเงิน160ล้านเยน(52ล้านบาท)
เมืองโจเอ็ตสึกำลังจัดการกับระบบผลิตไฟฟ้าพลังลม4ฐาน แต่มันก็ยังคงขัดข้องเสียหายอย่างต่อเนื่องจากฟ้าผ่า ยิ่งไปกว่านั้นยังมีราคาค่าซ่อมสูง เพราะ3ฐานใน4ฐานนั้นผลิตในต่างประเทศ ทางเมืองเองก็ได้ปรับตัวให้แข็งแกร่งขึ้นในการรับมือกับปัญหาฟ้าผ่า แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาสำคัญนี้ได้
ระบบผลิตไฟฟ้าพลังลมเหล่านี้ ได้เริ่มผลิตอย่างเป็นลำดับ ตั้งแต่เดือนเมษายน ปี2001 ถึงเดือนพฤศจิกายน2003 จำนวนปีในการใช้งานคือ17-20ปี พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตออกมาถูกขายโดยบริษัทไฟฟ้าโทโฮคุ ค่าก่อสร้างเป็นเงินเริ่มตั้งแต่166ล้านเยน ถึง260ล้านบาท (55ล้านบาท ถึง88ล้านบาท)
ศัตรูใหญ่สุดก็คือฟ้าผ่าจำนวนมากในฤดุหนาว โดยช่วงนี้มี1ฐานที่ขัดข้องเพราะฟ้าผ่าเมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้ว และไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้เป็นเวลา1ปี และอีก3ฐานก็ขัดข้องเช่นกัน จำนวนเงินจากการขายพลังงานไฟฟ้าของบริษัทไฟฟ้าโทโฮคุมีเพียงแค่10ล้านเยน(4ล้านเยน) การขาดทุนในทุกๆเดือนมีมากถึง38,000ล้านบาท(13,000ล้านบาท)
ดังนั้นทางเมืองจึงได้ปรับปรุงกังหันลมให้ดีขึ้นด้วยการเพิ่มหน้าที่การทำงานในการใช้เป็นสายล่อฟ้า นอกจากนี้ยังวางนโยบายมาตรการซึ่งจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แม้กระนั้นแล้วปริมาณการผลิตไฟฟ้าก็ยังไม่เพียงพอ และราคาในการรับซื้อพลังงานไฟฟ้าของบริษัทไฟฟ้าโทโฮคุยังต่ำอีกด้วยที่เมืองนี้ทุกปีจนถึงปี2017 จะต้องชำระหนี้เงินกู้เป็นจำนวนเงิน27ล้านเยน(9ล้านบาท) และหากครั้นจะย้ายออกจากการผลิตไฟฟ้าพลังลมเพราะการขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ก็จะเกิดปัญหาอื่นตามมา เพราะจะต้องคืนเงินช่วยเหลือ300,000,000เยน(100,000,000บาท)ซึ่งได้รับจากรัฐบาล