รัฐบาลญี่ปุ่นได้จัดระดับความรุนแรงของของเหตุการณ์โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ฟุกุชิม่า ตามมาตราระหว่างประเทศว่าด้วยเหตุการณ์ทางนิวเคลียร์เป็นระดับ7 จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา เหตุการณ์ระเบิดเชอร์โนบีในปี 1989 เป็นเหตุการณ์เดียวที่ได้ถูกกล่าวว่าเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์
เหตุผลที่ทางรัฐบาลได้จัดความรุนแรงไว้ที่ระดับ 7 เนื่องจาก ปริมาณยอดรวมของวัตถุกัมมันตภาพรังสีที่แผ่รังสีมาในชั้นบรรยากาศหลังการเกิดเหตุระเบิด องค์ประกอบได้ถูกประมาณไว้ที่ 630,000 เทรา(เทราเท่ากับ1ล้านล้าน) และกำหนดปริมาณการแผ่รังสี โดยมาตรวัดความรุนแรงของอุบัติภัยทางด้านนิวเคลียร์ 10,000เทรา เท่ากับระดับ 7 เป็นต้นไป
เหตุการณ์ระเบิดที่เชอร์โนบี ได้ลุกไหม้เตาปฎิกรณ์จนหมดในระหว่างการทดลอง การระเบิดครั้งใหญ่ทำให้วัตถุกัมมันตภาพรังสีถูกปล่อยออกมาในชั้นบรรยากาศ และถูกกระจัดกระจายออกไปทั่วทุกพื้นที่ซีกโลกเหนีอโดยมียุโรปเป็นศูนย์กลาง อยู่ในระดับ 5,200,000 เทรา
ประชาชนราว 110,6000คนในเขตรัศมี 30กิโลเมตรถูกสั่งให้เคลื่อนย้ายออกจากโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ และและให้ย้ายไปยังประเทศยูเครนและเบลลาลุสอีกเกินกว่า 4แสนคน คนขับรถและพนักงานดับเพลิงของโรงไฟฟ้าพลังงานปรมาณู 31คนเสียชีวิตเนื่องจากได้รับรังสีปรมาณู คนจำนวนกว่า4000คน เสียชีวิตในพื้นที่ทั้งหมดที่ได้รับสารปนเปื้อนเนื่องจากมะเร็ง พีชและสัตว์ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
นายฟลอลี่รองหัวหน้าธุรการของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ ได้กล่าวว่า การระเบิดนิวเคลียที่โรงงานฟุกุชิม่ากับเหตุระเบิดที่โชโนบี สองเหตุการณ์นี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงทางด้านขนาดและโครงสร้าง นอกจากนี้ กรรมการผู้จัดการ KirienkoของRosatom บริษัทพลังงานปรมาณูของรัสเซียกล่าวว่าการกำหนดของรัฐบาลญี่ปุ่นนั้นเข้าใจได้ยาก ฟุกุชิม่าอาจจะอยู่ในระดับความรุนแรง 5หรือ 6 ทั้งสารกัมมันตภาพรังสีที่ถูกปล่อยออกมาและเหตุการณ์ระเบิดที่เชอร์โนบีที่น้อยกว่า 10%
ถ้ามองในฐานะของบริษัทพลังงานปรมาณู การสนับสนุนการเคลื่อนย้ายโรงงานแอนตินิวเคลีย เป็นอุปสรรคในการลงทุนของเหล่าบริษัทการลงทุนธุรกิจพลังงานปรมาณูมากที่สุด
หลังจากเกิดเหตุการณ์การระเบิด จึงได้ถูกสื่อต่างประเทศวิจารณ์ว่าญี่ปุ่นปิดบังช่าวสาร และประเมิณสถานการณ์ต่ำไป จากการที่ถูกจัดระดับไว้ที่ความรุนแรงระดับ 7 เหตุการณ์ที่ฟุกุชิม่ากับเชอร์โนบีเหมือนกัน อาจเป็นความเข้าใจผิด ชื่อเสียงเนื่องจากความเสียหาย ที่กล่าวว่า คนญี่ปุ่นและสินค้าที่ผลิตจากญี่ปุ่นจะถูกปฎิเสธ และจะขยายเป็นวงกว้างขึ้นไปอีก นั้น ได้ถูกคาดการณ์ เพื่อการป้องกันสถานการณ์นั้น เป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลต้องดำเนินการตรวจสอบปริมาณรังสีปรมาณูพร้อมทั้งเปิดเผยต่อสาธารณชน และอธิบายเพื่อให้คนทั้งในและนอกประเทศรับทราบการเปิดเผยข้อมูลจึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่าอื่นใด(nikkei BPnet)