มีการพิจารณา2หัวข้อ อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงเสถียรภาพการสืบทอดราชวงศ์ที่ญี่ปุ่น คือการสร้างราชวงศ์หญิงกับการกลับสู่สถานภาพเดิมของราชวงศ์ก่อน
ผู้นำประเทศซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของญี่ปุ่นคือจักรพรรดิ ปัจจุบันคือสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ พระจักรพรรดินีคือพระจักรพรรดินีมิชิโกะ มกุฎราชกุมารผู้สืบทอดราชบัลลังก์คือเจ้าชายนารุฮิโตะ รัชทายาทอันดับสองคือเจ้าชายอากิชิโนะโนมิยะ ฟุมิฮิโตะพระอนุชา พระราชวงศ์ของไทยและญี่ปุ่นมีความสัมพนธ์อันแน่นแฟ้นต่อกัน ทั้งเจ้าชายนารุฮิโตะและเจ้าชายอากิชิโนะโนมิยะ ฟุมิฮิโตะ ก็เสด็จเยือนไทยหลายครั้ง แม้แต่ประเทศไทยเองก็เป็นที่รู้จักอยู่บ่อยๆ
พระธิดาในมกุฎราชกุมารกับเจ้าหญิงมาซาโกะคือเจ้าหญิงไอโกะ อีกด้านหนึ่ง เจ้าชายอากิชิโนะโนมิยะและพระชายาคิโกะ ทรงมีพระโอรสธิดาทั้งสิ้น 3 พระองค์ คือ เจ้าหญิงมะโกะ เจ้าหญิงคะโกะ อะกิชิโนะ และเจ้าชายฮิซะฮิโตะ อะกิชิโนะ
บรรทัดฐานราชวงศ์ของญี่ปุ่น คือผู้สืบทอดราชบังลังก์จะต้องเป็นผู้ชายของสายเลือดฝ่ายชายในราชวงศ์ ปัจจุบันมีผู้สืบทอดบังลังก์7พระองค์ แต่4พระองค์ทรงมีพระชันษาเยอะแล้ว พระกรณียกิจของราชวงศ์ก็ยากขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนี้ ในการสืบทอดบัลลังก์ จักรพรรดิองค์ถัดไปมีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นเจ้าชายนารุฮิโตะ หรือเจ้าชายอากิชิโนะโนมิยะ แต่ผู้ที่ทรงมีสิทธิ์ที่จะได้รับเลือกมีแค่เจ้าชายฮิซาฮิโตะเพียงพระองค์เดียว
กำลังมีข้อถกเถียงสองเรื่องอยู่ในขณะนี้ เรื่องแรกคือเรื่องที่จักรพรรดิจะต้องเป็นผู้ชายหรือไม่ สังคมญี่ปุ่นสมัยนี้ชายหญิงมีความเสมอภาคกัน จึงมีความคิดที่ว่าการที่จำกัดให้ฝ่ายชายได้เป็นจักรพรรดิซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของญี่ปุ่นนั้นมันขัดแย้งกัน
หากมองในระดับโลกแล้ว สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร, สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ ๒ แห่งเดนมาร์ก และสมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์ แห่งเนเธอร์แลนด์ก็ทรงเป็นผู้หญิง นอกจากนี้ ในประวัติศาสตร์ราชวงศ์ของญี่ปุ่นก็เคยมีจักรพรรดิหญิง8พระองค์ตั้งแต่ปี592-1770
เพราะก่อนที่เจ้าชายฮิซาฮิโตะจะประสูติเมื่อเดือนกันยายน ปี2006 พระราชนัดดาของสมเด็จพระจักรพรรดิเป็นเด็กผู้หญิงทั้ง3พระองค์ ข้อถกเถียงเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของจักรพรรดิหญิงในอนาคตจึงแพร่กระจายไปทั่ว รัฐบาลเองได้พิจารณาเช่นกัน ทว่า ในหมู่ผู้คนที่คงอนุรักษ์ขนบแบบเดิม ก็ต่อต้านจักรพรรดิหญิง ทำให้ไม่สามารถหาข้อสรุปได้โดยง่าย และเมื่อเจ้าชายฮิซาฮิโตะประสูติ ข้อถกเถียงเกี่ยวกับราชวงศ์หญิงก็จางลงไปเพียงชั่วอึดใจเดียว
แม้ว่าเจ้าชายฮิซาฮิโตะจะประสูติ แต่ด้วยการประสูติที่ลดลงและการเพิ่มขึ้นของพระชันษาในราชวงศ์ และในปัจจุบันที่ว่าผู้หญิงมีเป็นจำนวนมากก็ยังไม่เปลี่ยน จึงเกิดความกังวลใจในเรื่องการเปลี่ยนแปลงเสถียรภาพการสืบทอดบัลลังก์และพระกรณียกิจในราชวงศ์ ด้วยเหตุนี้ จึงได้มีการพิจารณาการคืนสู่สถานภาพเดิมของ11ตระกูลซึ่งเป็นราชวงศ์ก่อน
การที่ราชวงศ์ก่อนเหล่านี้แยกตัวออกมาจากราชวงศ์นั้น เนื่องจากสงครามโลกครั้งที่2 เมื่อปี1947 ความคุ้นเคยในฐานะของราชวงศ์ในสังคมญี่ปุ่นปัจจุบันก็เบาบางอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้ จึงมีเสียงวิตกกังวลว่า ประชาชนจะเข้าใจต่อการคืนสู่สถานภาพเดิมของราชวงศ์ก่อนหรือไม่
ดังนั้น สิ่งที่ถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้งก็คือสถานภาพราชวงศ์หญิงนั่นเอง บรรทัดฐานราชวงศ์ในปัจจุบัน คือ ไม่มีสิทธิ์ในการคืนครองบัลลังก์ในผู้หญิง หากเชื้อพระวงศ์หญิงอภิเษกกับสามัญชนก็จะต้องแยกตัวออกจากราชวงศ์ กล่าวคือจะไม่ได้เป็นเชื้อพระวงศ์อีกต่อไป คุณซายาโกะพระขนิษฐาในมกุฎราชกุมารกับเจ้าชายอากิชิโนะโนมิยะ พระราชธิดาในสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ ซึ่งเคยเติบโตมาในฐานะเจ้าฟ้าหญิง แต่เมื่อแต่งงานกับสามัญชนเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี2005 ก็ได้สละฐานันดรศักดิ์ หากสามารถสร้างราชวงศ์จักพรรดิหญิงได้ แม้เจ้าฟ้าหญิงจะอภิเษกกับสามัญชนก็จะยังสามารถคงอยู่ในราชวงศ์ได้ เพราะปัจจุบันมีเจ้าฟ้าหญิงในมกุฎราชกุมาร1พระองค์ และในเจ้าชายอากิชิโนะโนมิยะ2พระองค์ อย่างน้อยก็จะได้ลดปัญหาเกี่ยวกับการสืบทอดพระกรณียกิจในราชวงศ์ลงได้
ดูเหมือนว่าการขึ้นครองบัลลังก์ของผู้หญิง กล่าวคือการยอมรับจักรพรรดิหญิงนั้น การถกเถียงอย่างเหมาะสมยังคงเป็นสิ่งจำเป็น ด้วยเหตุนี้รัฐบาลจึงจะนำข้อถกเถียงเกี่ยวกับจักรพรรดิหญิงไปไว้ในคราวหลัง และก่อนอื่นจะต้องพยายามมุ่งสู่การดำเนินด้านการสร้างราชวงศ์จักรพรรดิหญิงให้เป็นจริงขึ้นมา
Tweet
